Movie Review and Storyline: Light of My Life (2019)
Movie Review and Storyline: Light of My Life (2019)
Blog Article
รีวิวหนัง Light of My Life (2019) คือพ่อ...คือลูก
ข้อมูลหนัง
ประเภทหนัง: ดรามา, ไซ-ไฟ และระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: Casey Affleck
นักเขียน: Casey Affleck
นักแสดงนำ: Anna Pniowsky, Casey Affleck และ Tom Bower
เรื่องย่อ
Light of My Life (2019) คือพ่อ...คือลูก เรื่องราวเกือบสิบปีหลังจากการระบาดของโรคลึกลับที่ทำลายล้างประชากรผู้หญิงไปเกือบทั้งหมด โลกที่เหลืออยู่จึงกลายเป็นที่ที่ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ และผู้หญิงเป็นสิ่งที่หายากมากจนกลายเป็นเป้าหมายในการตามล่าของกลุ่มโจรชายที่ต้องการครอบครองพวกเธอ สำหรับพ่อและลูกสาวของเขา แร็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ การเดินทางเพื่อเอาชีวิตรอดจึงไม่ใช่เพียงแค่การหนีจากอันตราย แต่ยังเป็นการปกป้องแร็กจากอันตรายที่คาดไม่ถึง ที่มาจากผู้ชายที่ไร้มนุษยธรรมที่ต้องการจะจับเธอไป ดูหนัง เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้
ในอดีตที่ยังคงฝังใจ พ่อเคยสัญญากับภรรยาของเขาที่ล่วงลับไปแล้วว่าเขาจะดูแลแร็กอย่างดีที่สุด และจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ของเธอให้เธอฟัง เมื่อแม่จากไปก่อนเวลาอันควร พ่อจึงต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกสาว ที่ตอนนี้ต้องเผชิญกับโลกที่เต็มไปด้วยความอันตราย การเดินทางผ่านบริติชโคลัมเบีย เริ่มต้นเมื่อพวกเขาหนีออกจากแคมป์กลางป่า หลังจากการใช้ชีวิตแบบซ่อนเร้นในบ้านร้างสองสามวัน พวกเขาก็เกือบจะถูกโจรชายสี่คนที่ตามล่าพวกเขามาถึง แต่โชคดีที่พวกเขาสามารถหลบหนีได้อย่างหวุดหวิด พ่อจึงตัดสินใจโบกรถเพื่อขโมยรถจากเจ้าของบ้านแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ปลอดภัยของครอบครัวที่บ้านปู่ย่าตายายของเขา
เมื่อมาถึงบ้านของปู่ย่าตายาย พวกเขาพบว่า บ้านหลังนี้ถูกยึดครองโดย ทอม ชายที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรกับทั้งพ่อและแร็ก ทอมเป็นคนที่เคร่งศาสนาและดูเหมือนจะเต็มใจช่วยเหลือทั้งคู่ ทอมไม่ได้แสดงท่าทีเป็นภัย แต่ในใจของพ่อกลับต้องระมัดระวังอย่างสูง เพราะไม่สามารถไว้ใจใครได้ในโลกที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย ในช่วงกลางคืน พ่อกับแร็กจึงพากันขนข้าวของออกไปที่กระท่อมใกล้เคียง ซึ่งเป็นที่หลบภัยชั่วคราว ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หรือหากมี สัญญาณเตือนภัยสีแดง ซึ่งเป็นคำที่พ่อใช้เตือนเมื่อมีอันตรายจากชายที่อาจเป็นอันตรายต่อแร็ก
เช้าวันรุ่งขึ้น ทอมพาแร็กมาฝึกยิงปืนลูกซอง เพื่อเตรียมตัวรับมือกับอันตรายที่อาจมาถึง และในที่สุดก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับ ลูกชาย ที่เขาคิดว่าเป็นลูกชายของพ่อ ทอมเริ่มสงสัยว่า ลูกชาย คนนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกชายจริงๆ และในที่สุดก็เปิดเผยความสงสัยเมื่อเขาถามพ่ออย่างตรงไปตรงมาว่า แร็กเป็นใครกันแน่ พ่อจึงเปิดเผยเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจว่าเขาได้สูญเสียญาติผู้หญิงทั้งหมดไปในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ก่อนนั้น โดยเก้าคนเสียชีวิตจากโรคระบาด และอีกคนถูกฆ่าโดย ฝูงสัตว์ประหลาด หรือกลุ่มคนที่ไร้มนุษยธรรมที่กระหายเลือดจากมนุษย์ผู้หญิง เขายอมรับในที่สุดว่า แร็ก คือ ลูกสาว ของเขาจริงๆ และพิสูจน์ให้ทอมเห็นด้วยรูปถ่ายของครอบครัว และอธิบายว่า ชื่อของแร็กมาจาก Raggedy Ann เนื่องจากแร็กมีชื่อเต็มว่า แอนนา เอลิซาเบธ
การเปิดเผยนี้ทำให้ทอมเข้าใจและเห็นใจพ่อและลูกสาวมากยิ่งขึ้น แต่ความสงบก็ไม่ได้อยู่กับพวกเขานาน เมื่อผู้ชายสามคนบุกเข้ามาในบ้านเพื่อโจมตีพวกเขา ทอมและเลมมี่ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้าย แร็กและพ่อจึงต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้หลังคา แต่พ่อจัดการโยนแร็กออกไปนอกหน้าต่างเพื่อให้เธอหลบหนี ก่อนที่เขาจะต่อสู้กับโจรและฆ่าพวกมันสองคน แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่โดนโจรคนหนึ่งยิงในระหว่างการต่อสู้ แต่พ่อก็ยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องลูกสาว
หลังจากการต่อสู้ที่เกือบจะทำให้พ่อเสียชีวิตทั้งคู่หนีไปยังที่หลบภัยในกระท่อม แร็กต้องดูแลรักษาบาดแผลให้พ่อ ขณะที่พ่อก็ใช้เวลาพักผ่อนและเงียบสงบสักระยะ แต่ในใจของพ่อกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ ในตอนนี้ ภาพย้อนอดีตกลับมาให้เห็นพ่อสัญญากับแม่ของแร็กเมื่อหลายปีก่อนว่าเขาจะดูแลลูกสาวของพวกเขาอย่างดีที่สุด สุดท้าย เมื่อแร็กทำแผลให้พ่อเสร็จ พ่อบอกกับเธอว่า พวกเขาจะไปยังที่ปลอดภัยที่ทอมเคยบอกถึง ก่อนที่แร็กจะปลอบพ่อด้วยคำพูดที่เคยได้ยินจากแม่ของเธอในตอนที่ยังเป็นทารก การเยียวยาใจของแร็กทำให้พ่อรู้สึกถึงความรักที่เขาและแม่ของแร็กเคยให้กับเธอ และเขาก็รู้ดีว่าเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอจากอันตรายที่ยังคงอยู่รอบตัวพวกเขา
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์
ในฉากเปิดเรื่องของ Light of My Life (2019) คือพ่อ...คือลูก ซึ่งเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทครั้งแรกของ เคซีย์ แอฟเฟล็ก (ที่รับบทเป็นพ่อของแร็กในเรื่อง) เราได้รับการแนะนำให้รู้จักกับโลกหลังหายนะผ่านการเล่าเรื่องที่ทั้งอ่อนโยนและมีความลึกซึ้งอย่างชัดเจน พ่อและลูกสาวของเขา แร็ก (รับบทโดย แอนนา พเนียฟสกี้) นอนอยู่ในเต็นท์กลางป่าภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ขณะที่พ่อกำลังเล่านิทานให้ลูกสาวฟังก่อนนอน แร็กในวัยเด็กกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่นชอบการฟังนิทาน พ่อสร้างเรื่องราวขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้แร็กหัวเราะและคุยขัดจังหวะในบางช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกถึงความใกล้ชิดและความสนิทสนมระหว่างพ่อกับลูก
สิ่งที่โดดเด่นในฉากนี้คือ การเล่าเรื่องของพ่อ และ การเลือกที่จะเล่าเรื่องอย่างไร เขาเริ่มต้นด้วยการพูดถึงเรื่องของสุนัขจิ้งจอกตัวเมียที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะผจญภัยกับคู่ชีวิตของมันในขณะที่ขึ้นเรือโนอาห์ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป การกระทำอันน่าสะพรึงกลัว ของสุนัขจิ้งจอกตัวผู้กลับเข้ามาครอบงำเรื่องราวทั้งหมด แร็กที่ฟังอยู่อย่างตั้งใจ สังเกตเห็นและทักท้วงว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเน้นไปที่เด็กผู้ชายทั้งๆ ที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องของผู้หญิง เมื่อแร็กถามถึงเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวที่ฟังดูเหมือนจะเป็นของผู้หญิงถึงกลับเน้นไปที่เด็กชาย พ่อไม่สามารถตอบได้ทันที แต่ก็ทำให้ผู้ชมสะท้อนถึงคำถามสำคัญเกี่ยวกับ การข้ามผ่านการมองข้ามผู้หญิงในเรื่องราวต่างๆ การมองเห็นผู้หญิงในแง่มุมที่ผู้ชายสร้างขึ้นจากมุมมองของตัวเอง
ฉากนี้ยังเผยให้เห็นโลกที่กว้างขึ้นซึ่งเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและความรู้สึกกลัวเมื่อแร็กถามพ่อว่า ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในเผ่าพันธุ์ของฉันหรือเปล่า? คำถามนี้แสดงให้เห็นถึงความตระหนักในสถานการณ์ที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ การตั้งคำถามว่าในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ชาย มีที่ยืนสำหรับผู้หญิงอย่างเธอหรือไม่ และไม่ใช่แค่ทริปตั้งแคมป์สุดสัปดาห์ธรรมดา แต่เป็นการเอาชีวิตรอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์หลังจากโรคระบาดที่ล้างผู้หญิงออกไปจากโลกนี้
Light of My Life (2019) คือพ่อ...คือลูก จึงเป็นเรื่องราวหลังหายนะที่ตั้งอยู่ในโลกที่ผู้หญิงหายไปจากประชากรส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงภรรยาของพ่อและแม่ของแร็กด้วย การเล่าเรื่องนี้เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของผู้หญิงในสังคม ที่แยกออกจากกันไปในช่วงเวลาที่เหลือจากหายนะโรคระบาด ร่างกายของแร็กถูกพรางด้วยการตัดผมสั้น การสวมหมวกและชุดวอร์มโคร่ง ซึ่งทำให้เธอดูเหมือนเด็กทอมบอยที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ การแสดงออกของแร็กในหนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทนทานและความแข็งแกร่งในตัวเธอ แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก หนังเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับ หนังแนวเอาชีวิตรอด อย่าง Leave No Trace, The Road, และ A Quiet Place ที่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาวที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง พ่อและแร็กต้องฝึกซ้อมการใช้ สัญญาณเตือนภัย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่จะมาถึงจากโลกที่ไม่เป็นมิตร
ในส่วนของการถ่ายทำของ อดัม อาร์คาพอว์ ผู้กำกับภาพ เขาสามารถจับภาพความรู้สึกที่ตึงเครียดจากสภาพแวดล้อมธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง โดยใช้การถ่ายจากระยะไกลที่ทำให้ตัวละครสองคนดูเหมือนเป็นจุดเล็กๆ ในทิวทัศน์กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและการคุกคามในตัวเอง สีสันที่เลือกใช้มีทั้งเทา ขาวซีด และน้ำตาล ซึ่งทำให้บรรยากาศที่แวดล้อมเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว และภาพของธรรมชาติที่แฝงไปด้วยความอึดอัด นอกจากนี้ ดนตรีประกอบของ แดเนียล ฮาร์ต ก็ช่วยเพิ่มความเศร้าโศกและความกดดันให้กับบรรยากาศได้อย่างดี
หนังใช้จังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไปและไม่รีบร้อน แอฟเฟล็กไม่ได้เร่งรีบที่จะทำให้เรื่องราวดำเนินไปเร็ว แต่กลับใช้เวลาในการสร้างบรรยากาศที่เชื่องช้าและให้เวลาให้ผู้ชมได้เข้าใจตัวละครอย่างลึกซึ้ง ตัวละครพ่อของแร็กดูเงียบขรึมและมักจะไม่มีคำพูดมากนัก นั่นทำให้การแสดงของแอฟเฟล็กในเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีอิทธิพลจาก The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford ที่เขาแสดงอยู่เช่นกัน เพราะตัวละครของเขามักจะอยู่ในโลกของตัวเองและดำเนินไปตามบทที่เขาสร้างขึ้นอย่างช้าๆ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้
ในขณะที่เรื่องราวดำเนินไป ทั้งคู่เริ่มพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ในตอนท้ายของเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ฉากสุดท้าย ของหนังนั้นจบลงในทิวทัศน์ที่ขาวโพลนและดูเหมือนจะไม่มีที่ไป ในช่วงเวลานี้เรารู้สึกถึงความตึงเครียดสูงสุดที่ตัวละครทั้งสองต้องเผชิญ การใช้ ปืนของเชคอฟ ในช่วงแรกเป็นการตั้งคำถามถึงความหมายของการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่ร้ายแรงในอนาคตและทุ่มเทของพ่อที่มีต่อแร็กนั้นบ่งบอกถึงความลึกซึ้งของความรักที่เขามีต่อเธอ สุดท้าย การตั้งคำถามในตอนเริ่มต้นจากแร็กเกี่ยวกับความสมดุลของโลก กลายเป็นคำถามที่ส่งผลต่อ ทั้งพ่อและผู้กำกับเอง ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเข้าใจในบทบาทของผู้หญิงในโลกที่พวกเขาสร้างขึ้น
#ดูหนัง #mvhd24 #รีวิวหนัง #MovieReview #MovieSpoilers
กลับด้านบน Report this page